หลักสูตรศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา ซึ่งเป็นหลักสูตรปรับปรุง พ.ศ. 2563 เป็นหลักสูตรที่มีความสำคัญ เพราะว่าสถานศึกษาหรือหน่วยงานทางการศึกษา คงไม่สามารถว่างเว้นผู้นำในสถานศึกษาหรือหน่วยงานทางการศึกษาได้ จำเป็นต้องมีผู้นำทำหน้าที่ในการบริหารจัดการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของการจัดการศึกษา และทำหน้าที่บริหารจัดการให้บรรลุจุดหมายทางด้านคุณธรรมจริยธรรมหรือทำหน้าที่ป้องปรามมิให้เกิดการทำลายระบบคุณธรรมจริยธรรม การมีผู้นำหรือผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษาทำหน้าที่นำสถานศึกษาหรือนำหน่วยงานทางการศึกษาให้บรรลุเป้าหมายนี้ สอดคล้องกับที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2553 โดยเฉพาะในหมวดที่ 5 ที่ว่าด้วยการบริหารและการจัดการศึกษา หากไม่มีการบริหารจัดการศึกษาโดยมีผู้บริหารรับผิดชอบ ทำหน้าที่เอื้ออำนวย หรืออำนวยการให้การบริหารจัดการสำเร็จลุล่วงตามเป้าหมายแล้ว ย่อมจะส่งผลกระทบต่อมาตรฐานและคุณภาพการศึกษาโดยภาพรวมของประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นสถานศึกษาหรือหน่วยงานทางการศึกษาจึงมีความจำเป็นต้องได้ผู้บริหารที่มีองค์ความรู้ในการบริหาร มีความสามารถในการบริหาร และมีจรรยาบรรณวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษาและผู้บริหารการศึกษา

การที่ผู้บริหารสถานศึกษาและผู้บริหารการศึกษามีองค์ความรู้ มีทักษะในการปฏิบัติงานและมีการปฏิบัติตนคือมีจรรยาบรรณวิชาชีพนั้น ย่อมสอดคล้องกับแนวคิด เหตุผลของพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 ที่เล็งเห็นความสำคัญของครูและบุคลากรทางการศึกษา จึงประกาศใช้พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยมีเหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัตินี้ว่าครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา และบุคลากรทางการศึกษาเป็นผู้มีบทบาทสำคัญต่อการจัดการศึกษาของชาติ จึงต้องเป็นผู้มีความรู้ ความสามารถ และทักษะอย่างสูงในการประกอบวิชาชีพ มีคุณธรรม จริยธรรมและประพฤติปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณของวิชาชีพ รวมทั้งมีคุณภาพและมาตรฐานเหมาะสมกับการเป็นวิชาชีพชั้นสูง จึงจำเป็นต้องตรากฎหมายเพื่อพัฒนาวิชาชีพครู เพื่อปรับสภาในกระทรวงศึกษาธิการตามพระราชบัญญัติครูเป็น องค์กรวิชาชีพครูตามมาตรา 53 แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 เพื่อสืบทอดประวัติศาสตร์และเจตนารมณ์ของการจัดตั้งคุรุสภาให้เป็นสภาวิชาชีพครู จึงเห็นได้อย่างชัดเจนว่าผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา โดยเฉพาะผู้บริหารสถานศึกษา และผู้บริหารการศึกษา จำเป็นต้องได้รับการศึกษา ได้รับการฝึกอบรม โดยเฉพาะต้องมีสถานบัน มีคณะวิชา มีหลักสูตร รวมทั้งมีองค์ประกอบของหลักสูตร เช่น อาจารย์ผู้สอนที่มีมาตรฐานและคุณภาพ ทำหน้าที่เป็นผู้ผลิต จึงจะได้ผลผลิตคือมหาบัณฑิต ที่สำเร็จการศึกษาออกไปรับใช้สังคมอย่างมีคุณภาพ นอกจากนั้นยังสอดคล้องกับพระราชบัญญัติข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ฉบับที่ 1) พ.ศ. 2547 (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 และ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2553 โดยเฉพาะฉบับที่ 3 มีเหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่ได้มีการปรับปรุงเขตพื้นที่การศึกษาเป็นเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาและเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เพื่อรับผิดชอบการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ทำให้ต้องปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาและคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ให้สอดคล้องกับการบริหารงานบุคคลในเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาและเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ ประการสำคัญผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ได้เล็งเห็นความก้าวหน้าในวิชาชีพของตนเองคือวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษา และผู้บริหารการศึกษา ซึ่งเป็นไปตามแรงจูงใจที่จะได้รับเงินค่าตอบแทนหรือเงินเดือนที่สูงขึ้น เป็นไปตามพระราชบัญญัติเงินเดือน เงินวิทยฐานะและเงินประจำตำแหน่งข้าราชครูและบุคลากรทางการศึกษา ฉบับที่ 3 พ.ศ.2558 โดยมีเหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรปรับอัตราเงินเดือนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพให้เหมาะสม เป็นธรรม และได้มาตรฐานโดยคำนึงถึงค่าครองชีพที่เปลี่ยนแปลงไป ค่าตอบแทนในภาคเอกชน ฐานะการคลังของประเทศ ความแตกต่างระหว่างรายได้ของข้าราชการระดับต่าง ๆ ในประเภทเดียวกันและต่างประเภทกัน และปัจจัยอื่นที่จำเป็นสมควรปรับบัญชีเงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูงของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพให้เหมาะสมยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้